วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุนัขพันธุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย
แจ็ค รัสเซลล์ได้มีการเพาะพันธุ์สายพันธุ์ขึ้นมาใหม่เมื่อต้นปี ค.ศ. 1800 ในประเทศอังกฤษโดยศาสนจารย์ Jack Russell ซึ่งภายหลังสุนัขพันธุ์ดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า Jack Russell Terrier (JRT) ตามชื่อของท่านศาสนจารย์ นอกจาก Jack Russell Terrier จะมีชื่อตามศาสนจารย์ที่เรียกกันแล้ว ก็ยังมีบางครั้งที่คนมักเรียกก็คือ PARSON JACK RUSSELL

โดยทั่วไปแล้วสุนัขสายพันธุ์กลุ่ม TERRIER จะใช้ในการล่าสัตว์และติดตามเหยื่อไปหลังจากที่เหลือ โดยสุนัขในกลุ่ม HOUND ไล่ต้อนมาก่อนหน้านี้แล้ว

สายพันธุ์ของ Jack Russell Terrier ในอเมริกาและอังกฤษ ขนาดของสุนัขจะอยู่ที่ 10-15 นิ้ว แต่ในออสเตรเลีย Jack Russell Terrier จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์คือ Jack Russell จะมีขนาด 10-12 นิ้ว PARSON JACK RUSSELL ขนาด 12-14 นิ้ว ลักษณะขนของ Jack Russell Terrier มีด้วยกัน 3 แบบ คือ ขนสั้น ขนหัก และขนยาว ขนหักและขนยาวจะค่อนข้างหยาบเมื่อเทียบกับขนสั้น แต่ขนสั้นก็ไม่ควรจะอ่อนนุ่มและเป็นมันจนเกินไป เนื่องจากขนเหล่านี้ช่วยปกป้องสุนัขในเวลาที่ออกไปล่าสัตว์
ขน ขนควรจะมีสีขาวตั้งแต่ 51% หรือมากกว่าขึ้นไปในร่างกาย และมี MARKINGS เป็นสีน้ำตาลหรือดำ หรือทั้งน้ำตาลและดำ ซึ่งเรียกว่า TRI COLOURED MARKING ของสุนัขพันธุ์นี้ส่วนใหญ่จะพบที่บนใบหน้า รอบตา หู ที่ก้นถึงหางและเล็กน้อยบนลำตัว

ลักษณะทั่วไป ในการเลือก Jack Russell Terrier คือควรจะมีกะโหลกโต หูต้องเป็นรูปตัว V และตกไปทางด้านหน้า จมูกและริมฝีปากต้องมีสีดำ ตาควรเป็นสีน้ำตาลเข้มรูปถั่วอัลมอนด์ แฝงด้วยแววตาขี้เล่นและขี้สงสัย ขาต้องตรงและมีกล้ามเนื้อที่ต้นขา หางต้องสั้นและชี้ขึ้น


วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุนัขพันธุ์บลูเทอร์เรีย

สุนัขพันธุ์ บลูเทอร์เรีย เป็นนักสู้ที่อ่อนหวานโดยธรรมชาติ เป็นนักสู้ที่ใจถึง เป็นสุนัขอารักขาที่กระฉับกระเฉง รักครอบครัวและอาณาเขตของเขาโดยสัญชาติญาณ ผู้ที่อาศัยอยู่ตามอพาร์ทเม้นท์ซึ่งมีเนื้อที่จำกัดจะนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้เพื่อช่วยอารักขา เนื่องจากเป็นสุนัขอารักขาที่ดี แล้วยังเป็นสุนัขที่ประหยัดอีกด้วย บางครั้งอาจจะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็เป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เขาอยู่ในโอวาทควรมีการฝึกปรือตั้งแต่วันแรกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะเลี้ยงเขารวมกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น โดยธรรมชาติแล้วจะก้าวร้าวกับสุนัขที่ทำตัวเป็นเจ้าถิ่น

บูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่มีลําตัวและโครงสร้างที่แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มีส่วนสัดที่รับกันอย่างพอดี มีลักษณะปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว จิตใจเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มีไหวพริบและความฉลาดเป็นเลิศ ทั้งตัวเต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างแรงกล้า แต่อีกส่วนก็มีจิตใจที่อ่อนหวาน อ่อนโยน ไม่ดื้อดึงกับระเบียบวินัย
มาตราฐานสายพันธุ์
ศีรษะ : ต้องยาวมีความแข็งแรง ใบหน้าเต็มมองดูคล้ายไข่ ระยะจากปลายจมูกไปยังลูกตาเห็นได้ชัดเจนกว่า ระยะจากตาไปยังส่วนบนของกะโหลก กรามบนควรจะลึกและมองเห็นขอบเขตได้ชัดเจน
หู : ควรจะเล็ก บางและมีตำแหน่งใกล้กัน ตั้งตรงอยู่ตลอดเวลา
ตา : จมลึกอย่างพอเหมาะ สีเข้ม เป็นประกาย ตาเป็นรูปสามเหลี่ยม ข้อด้อยของสุนัขพันธุ์นี้คือมีตาสีฟ้า
จมูก : ควรเป็นสีดำ โค้งลงไปสู่ปลาย
คอ : เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ยาวและเป็นสันโค้ง ผิวเรียบไม่หย่อนยาน
อก : มองจากด้านหน้าอกต้องกว้าง มองจากด้านข้างอกลึก บริเวณอกใกล้พื้นกว่าบริเวณท้อง
ลำตัว : หลังต้องสั้นและแข็งแรง หัวไหล่ต้องกว้างและเรียบ มีความลาดเอียงไปด้านหลังอย่างเด่นชัด
ขา : มีกระดูดใหญ่ ไม่มีจุดที่น่าเกลียด เหยียดตรงได้รูป ข้อศอกทั้งสองข้างกางออก ข้อเท้าสั้นและตั้งตรง เท้า : กลมและกระชับ มีขอบเขตชัดเจนเหมือนเท้าแมว
หาง : สั้น ห้อยต่ำ เรียว บริเวณโคนหางต้องหนาและเรียวแหลมไปยังปลาย
ขน : สั้น เรียบ เมื่อลูบจะสาก ขนเป็นมัน หนังต้องตึง
สี : ปรกติเป็นสีขาว มีสีอื่นบนใบหน้าเป็นที่ยอมรับได้ แต่ถ้ามีสีอื่นบนลำตัวจะกลายเป็นข้อด้อย
การเดิน : มีอิสระในการก้าวย่าง ขาหน้าและขาหลังเคลื่อนไหวขนานกัน ต้องหนักแน่น กระฉับกระเฉง ข้อด้อย : ใบหน้าที่โค้งโก่งมาก ตาสีฟ้า มีสีขนสีอื่นมากกว่าสีขาว

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สุนัขพันธุ์พิทบลู


การดูแล และการจัดการทั่วไป

สุนัขพ่อพันธ์และแม่พันธุ์ การเลือกสุนัขที่จะมาเป็น พ่อพันธ์ และแม่พันธ์ นั้นมีความสำคัญมาก พ่อพันธ์ ที่สมบูรณ์แข็งแรง และได้รับการดูแลอย่างดี สามารถใช้เป็นพ่อพันธ์ ไดถึง 7-8 ปี และสามารถที่จะให้ลูกสุนัขที่มีคุณภาพ การเลี้ยงดู แม่พันธก็มีความสำคัญ ไม่แพ้กัน เพราะความสมบูรณ์ ของแม่ มีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของลูก พ่อพันธ์ และแม่พันธ์ ควรได้รับสารอาหารที่เหมาะสม โดยเฉพาะอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ด้วย โปรทีน ไวตามิน และเกลือแร่ ควรมีการออกกำลังกายอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ และระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป

สุนัขตัวเมียจะเป็นสัด ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 8 เดือน เร็วหรือช้ากว่านี้ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของสุนัขด้วย อาการที่จะสังเกตุได้ว่าสุนัขตัวเมียกำลังจะเป็นสัดคือ ขนจะร่วงเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีแผลหรือ ผืนคัน หลังจากผลัดขนประมาณ 1 เดือนสุนัขก็จะเป็นสัด ระยะการเป็นสัดประมาณ 18-21 วัน และจะเป็นทุกๆ 6 เดือน ไม่ควรผสมพันธ์ ในสุนัขที่ เป็นสัดในครั้งแรก อาการเป็นสัดจะมีอยู่ 3 ระยะดังนี้

ระยะแรก จะแสดงอาการหงุดหงิด มีการบวมของอวัยวะเพศ และมีน้ำเมือกปนเลือดใหลออกมา

ระยะที่สอง เป็นระยะที่ทำการผสมพันธ์ โดยระยะเวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงวันที่ 9-13 หลังจากวันที่มีเลือดใหลออกมา หากจะทำการผสม ควรผสม ดังนี้ วันที่ 9 กับ 11 หรือ 11 กับ 13 โดยทำการผสม 2 ครั้ง เวลาที่เหมาะสมควรเป็นช่วงเช้าหรือเย็น ทางที่ดีควรนัดหมายพ่อพันธ์ ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน

ระยะที่สาม อาการบวมของอวัยวะเพศ จะยุบลง และอาการอื่นๆ จะหายไปด้วย หลังจากผสม ถ้าผสมติดสุนัขจะมีอาการแพ้ท้องหรือไม่ก็ได้ อาการระยะแรกๆ ที่สามารถสังเกตุเห็นได้ คือเบื่ออาหาร และต่อมาน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น ท้องขยายออก ท้องจะเห็นชัดหลังผสม 1 เดือน

สุนัขท้อง ปกติสุนัขจะท้อง 60-63 วัน ไม่ควรเลี้ยงให้อ้วนไปจะทำให้คลอดยาก ควรออกกำลังกายเบาๆ เช่นการจูงเดินเล่น จะทำให้คลอดง่าย ระวังการออกกำลังกายที่รุนแรง จะทำให้แท้งได้ หากแม่สุนัขเกิดความสกปรก ไม่ควรอาบน้ำ ควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นๆ เช็ดตัว

ก่อนถึงกำหนดคลอดควรปฎิบัติดังนี้
ตัดแต่งขนบริเวณก้นและอวัยวะเพศให้แม่สุนัข ตัดแต่งขนบริเวณหัวนม ที่รกรุงรังออก ล้างเต้านมและหัวนมให้สะอาด จัดเตรียมสถานที่ และอุปกรณืที่จำเป็นต้องใช้ระหว่างทำคลอดให้พร้อม การดูแลขณะคลอด ขณะใกล้คลอด เจ้าของควรคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ปกติ 95% ของสุนัขสามารถ จัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ยกเว้นบางรายที่ คลอดยาก หรือมีแรงบีบตัวของมดลูกน้อยในกรณีนี้เจ้าของควรเข้าไปช่วยเหลือโดย
ควรช่วยดึงลูกสุนัขเบาๆ และดึงในจังหวะที่แม่สุนัขออกแรงเบ่งเท่านั้น หลังจากที่ดึงลูกสุนัขออกมาแล้ว จะต้องรีบดึงเยื่อเมือกที่หุ้มตัวลูกสุนัขออกให้หมดล้วงเยื่อเมือกที่อาจมีอยู่ในปากออกให้หมด เช็ดตัวลูกสุนัขแรงๆ ด้วยผ้าที่นุ่มสะอาด เพื่อกระตุ้นการหายใจ ทำการตัดสายสะดือ ด้วยกรรไกรที่คมและสะอาด ผูกปลายดว้ยด้ายหา่งจากช่องท้องประมาณ 1.5 นิ้ว นำลูกสุนัขไปรับน้ำนมเหลือง แรกคลอดจากแม่โดยเร็วที่สุด เพราะอุดมไปด้วยภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ หากมีปัญหาที่คลอดยากจนแก้ไม่ได้ให้รีบนำส่ง สัตวแพทย์ที่ใกล้ที่สุด เพื่อความปลอกภัยของทั้งแม่และลูกสุนัข

pitbullzone

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุนัขพันธุ์บีเกิล



หมาน้อยบีเกิล


บีเกิ้ล (Beagle) เป็นสายพันธุ์สุนัขมีถิ่นกำเนิด ในประเทศสหราชอาณาจักร อยู่ใน จำพวกกลุ่ม สุนัขล่าเนื้อ (Hound) มีขนสั้น และหูปรก เป็นสุนัขที่มีประสาท ด้านการดมกลิ่นเป็นเลิศ (scent hounds) ที่ พัฒนาสายพันธ์ ขึ้นมาครั้งแรก ด้วยจุดประสงค์ เพื่อเป็นผู้ช่วยมนุษย์ในกีฬา การล่าต่างๆ โดยเฉพาะ การล่ากระต่าย ด้วยประสาท ด้านการดมกลิ่นที่ไวมาก จึงได้มีการฝึกให้เป็นสุนัขตรวจสอบ ของผิดกฎหมาย อย่างเช่น ยาเสพติด วัตถุระเบิด ฯลฯ แต่บีเกิ้ลยังได้รับความนิยม ในฐานะสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ด้วยขนาดตัว ที่พอเหมาะ เป็นสุนัขอารมณ์ดี และสุขภาพแข็งแรงทนทานต่อโรค ด้วยคุณสมบัตินี้เอง บีเกิ้ลยังถูกใช้ใน งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์อีกด้วย
พฤติกรรมทั่วไป บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แม้ว่าจะพอใช้กันคนแปลกหน้าได้บ้าง แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกิน จึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน แต่ว่า มันยังคงเห่า หรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า ในปี 1985 เบ็นและลิเน็ท ฮาท (Ben and Lynette Hart) ได้ทำการศึกษาบีเกิ้ล พร้อมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆอย่าง ยอคเชียร์ เทอเรีย (Yorkshire Terrier) เคนท์ เทอเรีย (Cairn Terrier) เวส ไฮด์แลนด์ ไวท์ เทอเรีย (West Highland White Terrier) ฟอกซ์ เทอเรีย (Fox Terrier) ผลออกมาว่าบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ฉลาด และเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามา ด้วยจุดประสงค์เดียว คือให้เป็นนักล่ามาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝึกค่อนข้างยาก โดยทั่วไปเมื่อมันรับคำสั่งแล้ว จะสั่งยกเลิกได้ยาก และเมื่อมันจดจำกลิ่นหนึ่งได้ มักจะถูกกลิ่นอื่นรอบตัวเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย พวกมันจะไม่ค่อย ยอมรับคำสั่งทั่วๆไป แต่ก็มีการตอบสนองต่ออาหารที่ดี มีความตื่นตัวสูง ช่างประจบ ในทางกลับกันก็เป็นสุนัขที่เบื่อง่าย บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ จึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครัวเรือน แต่ว่าพวกมันเป็นสุนัขที่อยู่เป็นฝูง เวลานำไปเลี้ยง จึงอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้ ไม่ใช่บีเกิ้ลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญ กับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่า หรือหอน เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ บีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย พวกมันแข็งแรงมาก จึงวิ่งเล่นได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยง่ายๆ สิ่งที่เจ้าของ BEAGLE ต้องทำใจรับรู้ไว้ก่อนว่า สุนัขพันธุ์นี้พร้อมที่จะวิ่งหนีจากท่านได้ตลอดเวลา แต่ก็มีวิธีการป้องกันได้ เช่น ในการพาสุนัขไปเดินเล่นควรใช้สายจูงตลอดเวลา หรือทำการฝึกตั้งแต่ได้รับสุนัขมา

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มารู้จักเม่นแคระ

มาทำความรู้จักเม่นแคระกันเถอะ



African pygmy hedgehog หรือ เม่นแคระ หรือชื่อไทยอื่นๆ ที่เคยได้ยินคนเรียกขานถึงสัตว์ชนิดนี้กัน เช่น "เม่นจิ๋ว" ,"เม่นสี " ,"ทุเรียนเดินได้" ,"เงาะหนาม" ชื่อเหล่านี้ล้วนเกิดจากลักษณะจุดเด่นของสัตว์ตัวนี้ทั้งนั้น ด้วยลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยหนามทั่วทั้งตัว หรือพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู ด้วยการขดตัวม้วนกลม จนมองไม่เห็นขา หรือหน้าตา นอกจากหนามรอบตัว เม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดิน อาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน
มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมา สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้


วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Home Page


โฮมเพจ (Home Page)

คือเว็บเพจหน้าแรกซึ่งเป็นทางเข้าหลักของเว็บไซท์ ปกติเว็บเพจทุกๆหน้าในเว็บไซท์จะถูกลิงค์ (โดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม) มาจากโฮมเพจ ดังนั้นบางครั้งจึงมีผู้ใช้คำว่าโฮมเพจโดยหมายถึงเว็บไซท์ทั้งหมด แต่ความจริงแล้วโฮมเพจหมายถึงหน้าแรกเท่านั้น ถ้าเปรียบกับร้านค้า โฮมเพจก็เป็นเสมือนหน้าร้านนั่นเอง ดังนั้นจึงมักถูกออกแบบให้โดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุด